Call Center

เล่น Smart Phone จนตาเข

เร็วๆ นี้ มีข่าวในหนังสือพิมพ์ว่า มีเด็กหญิงคนหนึ่งเล่น smart phone มากจนเกิดภาวะตาเขจนต้องเข้ารับการผ่าตัด แถมยังพูดเกินเลยไปว่าอาจทำให้การมองเห็นผิดปกติ ไม่มี 3 มิติ หรือบางรายถึงขั้นตาบอด ทำให้ตกใจและเข้าใจผิดกันไปว่าเล่น smart phone ทำให้ตาบอดได้ ในความเป็นจริงยังไม่มีรายงานหรือการศึกษาใดๆ ที่บ่งว่า การใช้ smart phone ทำให้เกิดภาวะตาเข และเป็นความจริงที่ว่า ตาเขหากปล่อยไว้ทำให้การมองเห็นลดลง มองไม่เห็นภาพ 3 มิติ แต่ส่วนมากไม่ถึงกับตาบอด หากแต่ข้างที่เขถ้าไม่ได้ใช้งาน นานเข้าการมองเห็นลดลง เป็นสาเหตุของตาขี้เกียจ (lazy eye) ที่สำคัญอันหนึ่ง เป็นความผิดต่อเนื่องจากการมีตาเข ไม่ใช่เกิดจากการใช้ smart phone

ปัญหาการใช้ smart phone ที่ไม่เหมาะสม ใช้นานเกินไป นอกจากดึงให้เด็กขาดการวิ่งเล่น ขาดกิจกรรมกลางแจ้ง ไม่มีการสนุกสนานกับเพื่อน มีปัญหาการพัฒนาทางสมอง ผลเสียทางตาที่พบบ่อยได้แก่

  • แสบตา เคืองตา ตาแห้ง ทำให้เด็กขยี้ตา ตาแดง กระพริบตาบ่อยๆ
  • เสี่ยงต่อภาวะสายตาสั้น เริ่มจากอาจทำให้เกิดภาวะ “ตาสั้นเทียม” จากการเพ่งดูภาพระยะใกล้นานเกินไป ซึ่งเชื่อกันว่าอาจนำไปสู่ตาสั้นจริงในที่สุด
  • ปวดศีรษะ มักพบในผู้ใหญ่มากกว่า

ข้อเสนอแนะสำหรับผู้ปกครอง

  1. มีการศึกษาจากสื่อต่างๆ พบว่าเด็กที่หมกมุ่นกับ smart phone หรือ tablet มากเกินไป ส่งผลต่อการตั้งใจเรียนลดลง พฤติกรรมการกินการนอนผิดไป
  2. เด็กขาดกิจกรรมกลางแจ้ง ซึ่งมีหลายรายงานกล่าวว่า การมีกิจกรรมกลางแจ้งลดภาวะสายตาสั้นได้ อีกทั้งมีร่างกายแข็งแรงสมบูรณ์ดี
  3. ไม่ควารให้เด็กนั่นเล่นนานเกิน 1 ช.ม./ครั้ง อาจใช้สูตร 20:20:20 คือนั่งเล่น 20 นาที ลูกขึ้นหรือมองไปไกล 20 ฟุตอย่างน้อย 20 วินาที หรือให้เด็กลูกขึ้นไปวิ่งเล่นหรือมีกิจกรรมนอกบ้าน
  4. หากหลังเล่นมีอาการตาแดง ขยี้ตาบ่อยๆ ควรปรึกษาจักษุแพทย์ เพราะเด็กอาจมีปัญหาทางสายตาซึ่งควรรับการแก้ไข
  5. มีรายงานว่าเด็กที่เล่น smart phone นานๆ ขาดปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่น อาจามีผลต่อการปรับภาวะจิตสังคมกับผู้อื่น

โดยสรุป การเล่น smart phone ไม่เกี่ยวกับภาวะตาเข และไม่รุนแรงถึงขั้นตาบอด

บทความโดย
ศ.พญ. สกาวรัตน์ คุณาวิศรุต
จักษุแพทย์ รพ. ตา หู คอ จมูก