ตาบอดสี ตอนที่ 6

ความจำเป็นในการตรวจและแก้ไขตาบอดสีในชีวิตประจำวันนั้นไม่มากนัก มีหลายๆ คน หลายอาชีพที่แม้จะตาบอดสีก็ทำได้ ใช้ชีวิตได้เช่นคนปกติ แต่มีบางอาชีพที่คนตาบอดสีไม่ควรทำหรือทำไม่ได้ จึงควรต้องมีการตรวจว่ามีภาวะตาบอดสีหรือไม่

มีผู้เสนอแนะว่า ควรตรวจในเด็กวัยเข้าเรียน เนื่องจากสื่อการเรียนการสอนในปัจจุบัน อาจมีแผ่นภาพเล่นสีเพื่อกระตุ้นความสนใจของเด็ก หากเด็กมีตาบอดสี ทำให้แยกแยะภาพจากสื่อการสอนไม่ออก ทำให้ครูเข้าใจผิดว่าเด็กอยู่ในกลุ่ม learning disability ถ้าทราบว่าเด็กมีตาบอดสี ควรใช้สื่อการสอนอย่างอื่นแทน

หากในการตรวจวัดสายตาครั้งแรก ได้มีการตรวจหาภาวะตาบอดสีไว้เป็นบรรทัดฐานว่าผู้ป่วยมีการเห็นสีเป็นอย่างไร หากมีความผิดปกติในภายหลังอาจช่วยวินิจฉัยโรคบางอย่างที่เกิดขึ้นในภายหลังได้

ผู้ที่มีสายตาผิดปกติที่ยังหาสาเหตุไม่ได้ โรคของ macular บางชนิดอาจไม่เห็นพยาธิสภาพที่ macular ชัดเจน และโรค AMD อาจแยกยากจากโรค retrobulbar optic neuritis การตรวจการเห็นสี ถ้าเป็น AMD มักจะเป็นแบบ blue-yellow defect จึงช่วยแยกโรคทั้งสองได้

หากพบเด็กมีปัญหาตาบอดสีจะได้วางแผนการเรียน เลือกวิชา อาชีพที่เหมาะสมต่อไป

ในโรคตาบางชนิด บางครั้งอาจมีการเห็นสีผิดปกตินำมาก่อน เช่น โรค stargardt's macular dystrophy ผู้ป่วยอาจมีอาการเห็นสีผิดปกติก่อนและค่อยมีตามัวตามมา การตรวจตาบอดสีจะได้คำวินิจฉัยโรคที่เร็วขึ้น

เนื่องจากภาวะตาบอดสีมีความผิดปกติใน cone cell ซึ่งแก้ไขไม่ได้ และผู้ที่ตาบอดสีมักจะแยกสีไม่ได้ แต่หากใช้แว่นกรองแสงบางสีอาจช่วยให้แยกสีได้ ใช้ในบางโอกาส แต่ไม่ได้ช่วยให้เขาเห็นสี เหมือนคนปกติ เช่น คนบอดสีแดง จะแยกสีแดงออกจากสีน้ำเงินอมเขียวไม่ได้ ถ้าใช้เลนส์กรองแสงสีแดง ซึ่งไม่ไห้สีเขียวผ่านให้แต่สีแดงผ่าน ก็จะแยกสีแดงออกจากน้ำเงินอมเขียว ซึ่งดูมืดลงไปได้ ดังจะเห็นมีการโฆษณาขายแว่นแก้ตาบอดสี หรือใช้ contact lens ที่มีสีแดง ทำให้แยกสีพอได้ สามารถไปสอบผ่านการทดสอบตาบอดสีในการสอบใบขับขี่ได้ สำหรับนักศึกษาที่ต้องการดู histo ว่า เซลส์หรือ tissue ติดสีแดงหรือน้ำเงินอาจใช้ filter สีม่วงแดง (magenta) ทำให้บอกการติดสีของ tusue ได้ถูกต้อง

ขั้นตอนแรกของการใช้ filter เพื่อช่วยคนตาบอดสี มักจะใช้ red filter ทดสอบก่อนทำให้แยกสีได้ในบางสภาวะ แต่ก็คงไม่สามารถแยกสีได้ทั้งหมด หรือเท่าเทียมคนปกติได้