Call Center

การใช้เครื่องสำอางกับตาแห้ง

น้ำตาเป็นสิ่งจำเป็นต่อผิวตา (ocular surface) อย่างยิ่ง มีความหนาประมาณ 40 ไมครอน และมีค่า pH 7.0-7.4 แบ่งเป็น 3 ชั้น ที่ขอบแต่ละชั้นผสมผสานกับชั้นใกล้เคียง

  1. ชั้นในสุด (mucin) อยู่ติดเซลล์ผิวกระจกตาและเยื่อบุตา โดยเซลล์ผิวจะมี villi ยื่นแทรกเข้าไปในชั้น mucin ทำหน้าที่หล่อลื่น ลดแรงเสียดทานเวลาเรากระพริบตา
  2. ชั้นกลางเป็นชั้นน้ำ (aqueous) ชั้นนี้นอกจากน้ำยังมี protein ต่าง ๆ ออกซิเจน เกลือแร่หลายชนิด รวมทั้ง growth factor ช่วยให้แผลกระจกตาหาย อีกทั้งมี immunoglobulin ป้องกันและต่อต้านเชื้อโรค
  3. ชั้นนอกสุด เป็นชั้นไขมัน ทำหน้าที่ป้องกันมิให้น้ำตาระเหยออกมากเกินไป

จำนวน ตลอดจนส่วนประกอบต่าง ๆ ของน้ำตาทุกชั้นที่สมดุล นำมาซึ่งการทำงานปกติของผิวตา หากมีความผิดปกติ เกิดภาวะตาแห้ง นำมาซึ่งความผิดปกติของผิวตาได้ อันหนึ่งซึ่งมักจะถูกมองข้ามไปคือ การใช้เครื่องสำอางผิวหน้าบริเวณรอบ ๆ ดวงตาทั้งแป้งผัดหน้า ดินสอเขียนขอบตา อายไลเนอร์ มาสคาร่าทาขนตาและขนคิ้ว เครื่องสำอางเหล่านี้มีอนูเล็ก ๆ ของเม็ดสี ตลอดจนผงแป้งปะปนอยู่บนผิวตา น้ำตา เห็นได้จากการตรวจตาด้วยเครื่องตรวจ slit lamp เสมอ ๆ อนูเหล่านี้ก่อให้เกิดระคายเคืองอักเสบของเปลือกตาบริเวณขอบ ๆ เป็นแบบเรื้อรัง อีกทั้งอนูเล็ก ๆ เหล่านี้ปนอยู่ในน้ำตา ทำให้น้ำตาเปลี่ยนแปลงไป มีความเข้มข้น osmolarity เพิ่มขึ้นทำให้น้ำตาไม่คงตัว (instability) เกิดภาวะตาแห้งและอาการของตาแห้งต่าง ๆ ตามมา

การฉีด botox เพื่อรักษาโรคหนังตากระตุก (blepharospasm) หรือการฉีดขอบ ๆ ดวงตาเพื่อลดรอยย่นบริเวณใบหน้า อาจทำให้เกิดภาวะตาแห้งได้จากการซึมของยาไปยังต่อมน้ำตา และต่อม meibomian ส่งผลให้การสร้างน้ำตาลดลง หรืออาจเกิดจากยา ซึ่งเข้าไปถึงกล้ามเนื้อรอบดวงตา (orbicularis) อ่อนตัวทำงานได้น้อยลง เป็นเหตุให้กระพริบตาน้อยลง ตลอดจนหลับตาไม่สนิท มีการระเหยของน้ำตามากขึ้น การไหลเวียนของน้ำตาช้าลง

การสักเปลือกตาบริเวณโคนขนตาเป็นเหตุให้อนูสีติดที่น้ำตา ผิวตา จำนวนต่อม meibomian ลดลง ส่งเสริมให้อาการตาแห้งมากขึ้น

เพื่อความปลอดภัย หลีกเลี่ยงการเกิดปัญหาที่ดวงตา ตลอดจนการเกิดภาวะตาแห้ง ขอแนะนำทำดังนี้

  • เลือกเครื่องสำอางที่มีฉลากบอกส่วนประกอบชัดเจน สีในเครื่องสำอางบางชนิดเป็นสารเคมีบางอย่างที่ไม่ควรใช้บริเวณรอบดวงตา
  • หลีกเลี่ยงเครื่องสำอางที่มีลักษณะเป็นเกล็ดหรือเป็นผงแวววาว เพราะเกล็ดเหล่านั้นหลุดเข้าไปในตาปนกับน้ำตาได้ง่าย ล้างมือให้สะอาดก่อน การใช้นิ้วทาอาจทำให้เกิดการปนเปื้อนจากเชื้อโรคที่บริเวณนี้
  • การเขียนขอบตา ควรเขียนที่ขอบนอกบริเวณขนตา เพื่อป้องกันการอุดตันของต่อมไขมันบริเวณขอบตา อีกทั้งอาจมีอนูสีล่วงเข้าตาได้ง่าย
  • ไม่ควรใช้เครื่องสำอางผิดประเภท เช่น ใช้ที่เขียนขอบปากมาเขียนขอบตา สีบางชนิดที่มีในลิปสติกใช้กับตาไม่ได้
  • ก่อนนอนควรล้างเครื่องสำอาจให้หมด ห้ามใช้วัตถุปลายแหลมเขี่ยมาสคาร่าที่มักจะติดที่ขนตา ควรใช้ไม้พันสำลีเช็ดบริเวณโดนขนตาจะปลอดภัยกว่า
  • ไม่ควรเก็บเครื่องสำอางในที่ร้อน เพราะทำให้สารกันเสียที่ป้องกันการเจริญเติบโตของเชื้อโรคที่มีอยู่ในเครื่องสำอางเสื่อมสมรรถภาพ ทำให้เครื่องสำอางเสียเร็วขึ้น
  • เครื่องสำอางที่ใช้กับตา มักมีอายุการใช้งานไม่เกิน 3 เดือน หลังเปิดใช้ หรือดูรายละเอียดบนผลิตภัณฑ์ว่าใช้งานได้นานเท่าใดหลังเปิดใช้ เมื่อหมดอายุควรทิ้งไป
บทความโดย
ศ.พญ. สกาวรัตน์ คุณาวิศรุต
จักษุแพทย์ รพ. ตา หู คอ จมูก