Call Center

มารู้จักรังสียูวีกัน

หลายๆ คนคงทราบว่าแสงแดดประกอบด้วยแสงยูวี เป็นอันตรายต่อผิวหนัง ทำให้ผิวคล้ำ ผิวหน้าตกกระ เหี่ยวย่น เป็นต้นเหตุของมะเร็งผิวหนัง ต้องมีการใช้ครีมทาผิวกันแดดโดยเฉพาะในฤดูร้อน แล้วโทษของแสงนี้ต่อดวงตา คงจะให้ความสนใจกันไม่มากนักในความเป็นจริงแสงนี้ให้โทษต่อตาเหมือนกัน

แสงอุลต้าไวโอเล็ต เรียกกันง่ายๆ ว่าแสงยูวี (ultraviolet) เป็นคลื่นแสงที่ต่ำกว่าแสงที่มองเห็นด้วยตา กล่าวคือ ที่เห็นด้วยตามีขนาด 400 – 700 นานอมิเตอร์ แสง UV มีความยาวคลื่นต่ำกว่า 400 ลงมา คำว่า ultraviolet มาจากคำว่า beyondviolet แปลว่า เลยรังสีคลื่น violet หรือเรียกง่ายว่า รังสีเหนือม่วง สีม่วงเป็นคลื่นสั้นที่สุดที่เห็นด้วยตา UV แบ่งได้เป็น ยูวีเอ (ขนาด 400 – 320) ยูวีบี (ขนาด 320 – 290) และยูวีซีขนาด 290 ลงมา สำหรับแสงยูวีซี จากดวงอาทิตย์จะถูกกันจากชั้นโอโซนของบรรยากาศหมด จึงไม่ลงมาถึงโลกเรา รังสียูวีซีที่ทำอันตรายคนเราในปัจจุบันเป็นยูวีซีที่มนุษย์ทำขึ้น กล่าวกันว่า หากมนุษย์ยังทำลายสิ่งแวดล้อมเพิ่มมลพิษจนทำลายชั้นโอโซน ในภายภาคหน้าอาจมียูวีซีมาทำลายเราก็ได้ ในปัจจุบันรังสีจากดวงอาทิตย์ที่มาถึงพื้นโลกมีรังสียูวีประมาณ 5% โดยเป็นยูวีเอ 90% ยูวีบี 10%

นอกจากนี้รังสีจากดวงอาทิตย์ถึงผิวโลกในฤดูต่างๆ จะมีจำนวนแตกต่างกัน ระดับความสูงพบว่าที่สูงจะมากกว่า เวลาเที่ยงจะสูงสุด อีกทั้งการสะท้อนต่อผิววัตถุก็มีส่วนเพิ่มปริมาณรังสีจากผิวที่ต่างกันในจำนวนที่ต่างกัน โดยพบว่าถ้าเป็นผิวหิมะสะท้อนได้ถึง 60 – 80% หาดทรายประมาณ 15% ผิวน้ำทะเลประมาณ 5% ด้วยปัจจัยดังกล่าวทำให้รังสียูวีทำลายดวงตาได้ต่างกัน

รังสียูวี ทำลายเนื้อเยื่อเรา 2 วิธี
  1. เป็นปฏิกิริยาเคมี รังสียูวีถูกดูดซึมเข้าไปในเนื้อโปรตีน เอนไซน์ ผนัง membrane ของเซลล์ ทำให้โมเลกุลแยกออกและถูกทำลาย ปฏิกิริยานี้คล้ายๆ กับกรณีการเสื่อมจากอายุที่มากขึ้น เป็นการถูกทำลายอย่างช้าๆ
  2. เกิดอนุมูลอิสระขึ้นในขบวนการชีวะเคมี กล่าวคือ แสงยูวีในบรรยากาศที่มีออกซิเจน และสารสีที่ถูกกระตุ้นโดยแสง จะก่อให้เกิดอนุมูลอิสระ ซึ่งจะไปทำลายเซลล์ของเนื้อเยื่อของคนเรา
ที่มาของรังสียูวี
  1. จากดวงอาทิตย์ดังที่กล่าวมาแล้ว
  2. มนุษย์สร้างขึ้นใช้ประโยชน์บางอย่าง เช่น
    1. Black light blue (BLB) เป็นหลอดไฟที่ให้รังสียูวี ออกมาเป็นสีดำ ซึ่งอาจจะเป็นหลอดยาวที่เรียก fluorescene , ตะเกียงไอปรอท (mercury vapor) หลอดไฟฟ้าชนิดมีลวดข้างใน (incandescent) , wood lamp เป็นต้น หลอดไฟเหล่านี้ให้รังสียูวีที่ใช้ในการรักษาโรคผิวหนังบางชนิด โรคด่างขาว (vitiligo) melanoma ตลอดจนใช้ในการวินิจฉัยโรคที่เกิดจาก bacteria หรือ fungus
    2. Short wave UV lamp ใช้ในทางการแพทย์เพื่อฆ่าเชื้อโรค (germicidal UV)
    3. Gas discharge lamp ใช้ใน chemical analyse
    4. UV LED (UV light emittiny diode) เป็น semiconductor diode ใช้ใน digital printray application
    5. UV laser มีทั้งที่ใช้ในงานอุตสาหกรรม การแกะสลัก ทางการแพทย์ และอื่นๆ
    6. แสงยูวีที่ออกมากับการเชื่อมโลหะต่างๆ
      เครื่องที่ให้แสงยูวีบางครั้งจะมีแก้วหุ้มกันมิให้รังสีออกมา บางครั้งแก้วที่หุ้มชำรุดอาจมีรังสีออกมาตลอด ทำให้ผู้ที่อยู่ใกล้ได้รับรังสีโดยไม่รู้ตัว
บทความโดย
ศ.พญ. สกาวรัตน์ คุณาวิศรุต
จักษุแพทย์ รพ. ตา หู คอ จมูก